กินเนื้อปลาคู่การออกกำลังกายได้ผลสุดๆ

การที่จะออกกำลังกายไม่ว่าจะเป็นเพื่อการลดน้ำหนัก, เสริมสร้างกล้ามเนื้อ หรือแม้แต่การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดี หากต้องการที่จะให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าประทับใจสุดๆ เรื่องของอาหารก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างมากที่จะช่วยส่งเสริมให้ความตั้งใจของผู้ออกกำลังประสบผลสำเร็จ เพราะอย่าลืมว่าเมื่อร่างกายได้ใช้งาน หัวใจมีการกระตุ้นเกิดขึ้น สารอาหารภายในร่างกายจะถูกดูดเอาไปใช้และหากใครที่คิดว่าเมื่อออกกำลังกายแล้วห้ามกินอาหารเพื่อจะได้ประสบผลสำเร็จมากที่สุดนี่คือความคิดที่ผิดมหันต์ เพราะนอกจากร่างกายจะไม่เป็นไปตามที่ต้องการเอาไว้เนื่องจากขาดสารอาหารที่จำเป็นแล้ว ยังจะทำให้เกิดโรคภัยอื่นๆ ตามมาอีกด้วย   การออกกำลังกายที่ดีจะต้องมีไปพร้อมๆ กับการกินอาหารที่ถูกสุขลักษณะและดีต่อความจำเป็นของร่างกาย ซึ่งแหล่งอาหารที่เหมาะสมสำหรับการออกกำลังกายมากที่สุดคงหนีไม่พ้นเรื่องของโปรตีน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อไม่ว่าจะเป็นส่วนหน้าท้อง กล้ามแขน กล้ามขา หรือส่วนใดๆ ก็ตาม แหล่งโปรตีนที่ดีที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นเนื้อสัตว์ ทว่าเนื้อสัตว์หลายๆ ประเภทไม่ว่าจะเป็นหมู ไก เนื้อวัว หรืออาหารทะเลประเภทกุ้ง หอย ปู ปลา ต่างก็มีส่วนผสมของไขมันอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งหากกินเข้าไปในปริมาณที่มากก็จะไม่ส่งผลดีต่อการออกกำลังกาย เนื้อปลาจึงนับได้ว่าเป็นแหล่งโปรตีนที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่ออกกำลังกายและต้องการเห็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง   ประโยชน์จากเนื้อปลาที่คนออกกำลังกายจะได้รับ เนื้อปลาไม่ว่าจะเป็นปลาทะเลหรือปลาน้ำจืด จัดได้ว่าเป็นประเภทเนื้อสัตว์ที่เป็นแหล่งโปรตีนชั้นดีที่สุด แถมยังมีไขมันน้อยที่สุดด้วย แถมโปรตีนที่ได้จากเนื้อปลายังเป็นโปรตีนที่ย่อยง่ายทำให้ไม่มีโปรตีนตกค้างอยู่ภายในร่างกาย ร่างกายสามารถที่จะนำเอาไปใช้ได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกลัวว่าส่วนที่เหลือจะกลายเป็นไขมันและเข้าไปสะสมอยู่ คนส่วนใหญ่ที่เป็นนักออกกำลังกายจึงนิยมในการที่จะทานอาหารประเภทปลาเป็นหลัก ซึ่งวิธีในการปรุงนั้นก็ควรจะเป็นการต้ม, นึ่ง หรือ เผา มากกว่าการออกไปทอดหรือผัด เพราะการทอดหรือผัดเนื้อปลาจะดูดซึมไขมันจากน้ำมันทำให้น้ำมันเหล่านั้นเข้าไปสะสมในร่างกายได้ นอกจากโปรตีนแล้วหากเป็นเนื้อปลาทะเลยังให้โอเมกา 3 ที่ช่วยในเรื่องของโรคหัวใจและบำรุงสมอง ส่วนสารอาหารอื่นๆ อย่างเช่น วิตามิน เอ ช่วยบำรุงสายตา, วิตามิน …

ถั่ว แหล่งโปรตีนชั้นดีที่ได้จากธรรมชาติ

เวลาที่พูดถึงเรื่องของแหล่งโปรตีนนั้น คนส่วนใหญ่ก็คงจะต้องนึกไปถึงแหล่งโปรตีนที่ได้จากเนื้อสัตว์ประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อวัว, เนื้อหมู, เนื้อไก่, เนื้อปลา หรืออาหารทะเลต่างๆ อาทิ กุ้ง หอย ปู หมึก แต่ในความเป็นจริงแล้วแหล่งโปรตีนต่างๆ นั้นไม่ใช่ว่าจะได้มาจากเนื้อสัตว์เสมอไป เพราะในพืชบางประเภทเองก็นับว่าเป็นแหล่งโปรตีนชั้นดีที่ให้ค่าโปรตีนสูงไม่แพ้กับเนื้อสัตว์เลย ซึ่งพืชตระกูลที่ให้โปรตีนได้ดีที่สุดก็คือ พืชตระกูลถั่ว หากจะแบ่งถั่วออกเป็นประเภทต่างๆ ก็คงจะมีอยู่เยอะพอสมควรกับแต่ละพันธุ์ที่สามารถกินได้ เพราะฉะนั้นจะแบ่งออกมาเป็นประเภทที่คนทั่วไปรู้จักกันดีและมาดูกันว่าถั่วแต่ละประเภทนั้นให้โปรตีนมากน้อยแค่ไหน   ถั่วเหลือง – นับเป็นพืชตระกูลถั่วที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะสามารถนำไปประกอบอาหารหรือแปรรูปได้หลากหลาย ซึ่งหากเป็นถั่วเหลืองที่เป็นเม็ดอบแห้งนั้นจะให้ปริมาณโปรตีนสูงถึง 35% ซึ่งมากกว่าเนื้อสัตว์ถึง 2 เท่า พูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือหากต้องการกินอาหารเพื่อให้ได้โปรตีนเท่ากัน ต้องกินเนื้อสัตว์ 2 กิโลกรัม ถึงจะได้โปรตีนเท่ากับกินถั่วเหลือง 1 กิโลกรัม แต่ที่สำคัญคือต้องทำให้ถั่วเหลืองผ่านความร้อนเสียก่อนเพราะหากเป็นถั่วเหลืองดิบจะให้โปรตีนได้มีดีเท่า   ถั่วลิสง – ถือเป็นถั่วอีกประเภทที่ได้รับความนิยมไม่แพ้ถั่วเหลือง สามารถนำไปประกอบอาหารได้หลากหลาย และมีค่าโปรตีนสูงถึง 25% เลยทีเดียว คิดง่ายๆ คือถ้ากินถั่วลิสง 1 กิโลกรัม จะได้โปรตีนสูงถึง 250 กรัม นั่นจึงเหมาะกับคนที่ออกกำลังกายเป็นอย่างมาก …

ท่าไม้กระดาน หรือ Plank และ Side plank

เป็นท่าที่ไม่มีจำนวนครั้งเป็นตัวกำหนดแต่จะใช้ระยะเวลาแทน ดังนั้นท่าไม้กระดาน หรือ Plank เป็นอีกหนึ่งท่าที่จะช่วยให้ท่านมี Sixpack ท่านี้ประโยชน์ที่จะได้นอกจาก Sixpack แล้วยังจะได้ในส่วนของกล้ามเนื้อไหล่ แขนและสะโพกมีลักษณะการตั้งท่าดังนี้ 1.เริ่มแรกด้วยการนอนคว่ำหน้าราบไปกับพื้นจากนั้นใช้ศอกทั้ง 2 ข้างในการยกตัวขึ้น ให้ตัวเอนไปด้านหลังศอกโดยให้ศอกทำมุม 45 องศามือไม่จำเป็นต้องประสานกัน 2.ขาเหยียดตรงตั้งปลายเท้าขึ้นจะชิดกันหรือไม่ก็ได้จากนั้นให้เกรงกล้ามเนื้อหน้าท้อง ให้หน้าท้องรู้สึกเหมือนกับท่า Crunch ซึ่งหากทำถูกวิธีการใช้ท่านี้ตอนออกกำลังกายจะไม่มีอาการบาดเจ็บที่หลังอย่างแน่นอน เพราะไม่ได้รับการกระทบกระเทือนเลยแม้แต่น้อย   Side plank เป็นท่าที่เน้นด้านข้างของลำตัวให้ชัดเจนยิ่งขึ้นซึ่งหากแบ่งการบริหารเป็นเซต สามารถที่ใช้บริหารสลับท่านกันได้ในแต่ละเซตเช่น Plank ด้านตรงธรรมดา 1 เซต Side plank ด้านซ้าย 1 เซตและ Side plank ด้านขวาอีก 1 เซตลักษณะการตั้งท่าดังนี้ 1.นอนตะแครงด้านใดด้านหนึ่งใช้ศอกดันพื้น 2.ปลายเท้าเหยียดตรงซ้อนกัน 3.เกรงลำตัวโดยใช้ท้องให้เป็นรูปตัวทีส่วนที่จะแตะพื้นได้แก่ ศอกและเท้าเท่านั้นทำค้างไว้จนกว่าจะไม่ไหว จากนั้นจึงทำกับอีกด้านโดยใช้เวลาเดียวกันเพื่อให้เกิดความสมดุล 4.หากทำจนร่างกายรู้สึกว่าไม่มีการปวดหรืออยากจะเพิ่มน้ำหนักให้มืออีกข้างยกเวทด้วยได้ แต่ระวังในเรื่องของอุบัติเหตุ เนื่องจากท่านี้ใช้ระยะเวลาเป็นตัวกำหนดครั้งทุกครั้งควรใช้นาฬิการ่วมด้วยโดยที่ครั้งแรกหากทำได้ถึง 30 วินาทีถือว่าไม่ธรรมดาทีเดียว การเพิ่มระยะเวลาสำหรับท่านี้ควรจะเพิ่มทุก 30 วินาทีจากของเดิม การบริหารหน้าท้องที่ถูกต้องทุกครั้งที่ทำครบเซตแล้วจะต้องมีอาการปวดบริเวณท้องเท่านั้นหากใครปวดหลังให้เปลี่ยนเป็นท่าอื่นแทนหรือหัดให้ถูกต้อง ไม่อย่างนั้นแล้วสิ่งที่ทำไปตลอดระยะเวลาทั้งหมดถือว่าผิดวิธี …

เล่นง่ายด้วยท่า Crunch

Sixpack เป็นการออกกำลังกายที่ใช้หน้าท้องเพื่อไม่ให้มีพุงเกิดขึ้นอีกทั้งยังเป็นการเสริมสร้างบุคลิกให้ดูดีเฉพาะส่วน ซึ่งจะมาแนะนำการทำให้ร่างกายมี Sixpack ด้วยการไม่ใช้อุปกรณ์ Crunch เป็นท่าบริหารหน้าท้องที่ทำได้บนที่นอนหากกลัวว่าจะเจ็บหลังเมื่อนอนกับพื้นลักษณะการตั้งท่าดังนี้     1.นอนราบกับพื้นงอเข่าขึ้นเป็นมุม 90 องศาและเท้าวางราบกับพื้นให้สนิท ถ้าไม่ถนัดสามารถยกเท้าลอยจากพื้นได้แต่จะต้องตั้งฉาก 90 องศาเท่าเดิมหรือให้ปลายเท้าชี้ขึ้นฟ้าไปเลย 2.นำมือทั้ง 2 ข้างไว้ประมานศีรษะซึ่งจะไม่ประสานกันไว้ที่ท้ายทอยเพราะเมื่อทำการยกตัวจะเป็นการใช้งานบริเวณหน้าท้องทำการยกตัวขึ้นเท่านั้น จะไม่มีการใช้แรงจากแขนในการดึงคอ 3.เมื่อทำการยกตัวขึ้นให้ใช้แรงจากท้องด้วยการเกรงในการยกตัวขึ้น การยกตัวขึ้นไม่จำเป็นที่จะต้องสูงจนศีรษะถึงเข่า สามารถขึ้นเพียง 45 องศา เวลาลงศีรษะจะต้องไม่ติดกับที่นอนเพื่อยังคงเป็นการใช้กล้ามเนื้อท้องอยู่แต่ลดลงจากตอนยกขึ้น สำหรับท่านที่ทำท่านี้ได้ถูกต้องจะไม่ปวดหลังและต้นคอ 4.ไม่จำเป็นที่จะต้องทำด้วยจำนวนครั้งที่มากถึง 30 ครั้งต่อเซต เพียงแต่การยกตัวแต่ละครั้งให้ทำการเกรงหน้าท้องค้างไว้นับง่ายๆ เลยคือเมื่อทำการยกตัวขึ้นให้ค้างไว้ราว 3 วิจากนั้นค่อยๆ ทิ้งตัวลงช้า ทำแบบนี้ 8 ครั้งเป็นอย่างน้อยหรือหากว่าไม่ไหวจริงๆ ให้ดูว่าอาทิตย์แรกนั้นทำได้กี่ครั้งจากนั้นอาทิตย์ต่อไปจึงเพิ่มจำนวนครั้งขึ้น การออกกำลังกายไม่จำเป็นต้องทำทุกวันก็ได้แต่ถ้าอยากที่จะมี Sixpack เร็วประกอบกับร่างกายที่สมบูรณ์ก็สามารถทำทุกวันได้ ซึ่งหากเป็นช่วงเวลาที่กำลังดีแล้วล่ะก็ อาทิตย์ละ 3-4 วันก็พอเพื่อให้ร่างกายได้พักฟื้น ท่าละ 3-4 เซตก็เพียงพอต่อวันสามารถปรับเพิ่มได้ตามความเหมาะสม