วิธีออกกำลังกายหน้าท้อง ซิกแพค

สุขภาพที่ดี รูปร่างที่ดีต่างก็เป็นสิ่งที่เราทุกคนต้องการที่จะได้มา แต่ด้วยเรื่องของอาหารการกินในบ้านเราที่หลากหลายมีมากมายให้ได้เลือกสรรนั่นทำให้หลายคนละเลยในการดูแลสุขภาพของตนเองไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทางโภชนาการทางการกินหรือการออกกำลังกายด้วยก็ดี ทำให้การตรวจสอบพบว่าปัจจุบันนี้มีผู้ป่วยที่เป็นโรคอ้วนและไขมันส่วนเกินมากขึ้นจากการสำรวจในปีก่อนๆ มากขึ้นในทุกๆ ปี และถ้าหากท่านกำลังก้มมองดูพุงของตนเองอยู่ในตอนนี้และพบว่าท่านกำลังมีไขมันส่วนเกินอยู่และกำลังอยากที่จะกำจัดมันออกไปอยู่แล้วล่ะก็ ในบทความนี้เราจะพาทุกท่านมารู้จักกับวิธีการออกกำลังกายเพื่อลดไขมันหน้าท้องเพื่อที่จะได้สร้างซิกแพคสวยๆ เพื่อเพิ่มความมั่นใจกัน ถ้าพร้อมแล้วเราก็มาเรียนรู้วิธีการออกกำลังกายเพื่อสร้างซิกแพคไปพร้อมกันเลย การสร้างซิกแพคแน่นอนว่าการออกกำลังกายจะต้องให้ความสำคัญไปที่หน้าท้องเป็นส่วนใหญ่ แต่อย่างไรก็ดีการที่เราจะมีหน้าท้องที่สวยงามเรียบแบนพร้อมกับซิกแพคนั้นการออกกำลังกายเพียงอย่างเดียวจะได้สามารถทำได้ หากแต่ต้องควบคุมอาหารไปด้วย พร้อมกับออกกำลังกายด้วยวิธีเหล่านี้ ได้แก่ – ท่า Plank หลายท่านคงจะเคยได้ยินท่านี้กันมาบ้างแล้ว เนื่องจากเป็นท่าออกกำลังกายที่สามารถทำได้โดยง่าย แทบจะเรียกได้ว่าต้องการทำเมื่อไหร่ก็สามารถทำได้ เพียงตั้งท่าคล้ายๆ กับการวิดพื้น และตั้งพยุงตัวด้วยข้อแขนไปจนถึงศอกวางลำตัวยาวให้ขนานไปกับพื้น เกร็งช่วงหน้าท้องเอาไว้ ทำวันละ 2-3 เซท เซทละ 1-2 นาที – ท่า Sit-Ups แน่นอนว่าแทบจะทุกคนต้องเคยทำท่านี้กันมาแล้ว แต่ความยากของท่านี้ก็คือการโฟกัสในส่วนที่เราต้องการลดและทำเป็นจังหวะไม่เร่งรีบเพื่อไม่ให้เกิดอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ ซึ่งสามารถทำได้ด้วยการนอนราบไปกับพื้น และเอามือประสานไส้ที่ท้ายทอยเกร็งช่วงท้องเพื่อยกตัวขึ้น-ลงสลับกัน ทำเป็นเซท เซทละ10-20ครั้ง วันละ 2-3 เซท – ท่า Russian twists เป็นท่าที่จะทำให้เอวของเราคอดสวยงามอีกทั้งยังเป็นท่าที่ง่ายไม่จำเป็นต้องอาศัยอุปกรณ์ในการออกกำลังกายด้วย สามารถทำได้โดยการนั่งชันเข่า เอนตัวไปด้านหลังแตะสลับซ้าย-ขวาโดยเกร็งหน้าท้องเอาไว้ ทำ1-2 เซท เซทละ1-2นาที โดยทั้งหมดที่ออกมาต้องทำควบคู่กับการลดไขมันโดยการออกกำลังกายที่เรียกว่าการทำคาร์ดิโอ …

เพียงเกร็งหน้าท้องก็ช่วยสร้างกล้ามได้ ?

มาทำความเข้าใจกับการหายใจของมนุษย์กันก่อน มีหลายๆ ครั้ง ที่คุณหลายๆ คนมักจะหายใจผิดโดยไม่รู้ตัว เพราะการหายใจแบบสั้นและถี่นั้น ไม่อาจนำพาออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายของคนเราได้อย่างเพียงพอ อีกทั้งยังไม่อาจกำจัดคาร์บอนไดออกไซด์ออกไปได้เท่าที่ควรเช่นเดียวกัน ด้วยเหตุนี้การเปลี่ยนมาหายใจเข้า-ออก ลึกและยาว นอกจากจะช่วยแก้ปัญหาที่กล่าวมาแล้ว ยังมีส่วนช่วยกระตุ้นระบบการขับถ่ายของเสีย , ควบคุมความตึงเครียด รวมทั้งลดความวิตกกังวลต่างๆ บรรเทาอาการอ่อนเพลีย ทำให้คุณมีสมาธิดีขึ้น เพราะฉะนั้นเมื่อหายใจอย่างถูกต้องเป็นแล้ว ก็สามารถนำมาใช้ควบคู่กับการเกร็งหน้าท้องเล็กเพื่อการสร้างกล้ามนั่นเอง หายใจถูกต้องก็เกร็งหน้าท้องสร้างกล้ามได้ เมื่อคุณฝึกฝนการหายใจแบบนี้บ่อยๆ สมองก็จะเกิดการจดจำอย่างอัตโนมัติ โดยการแขม่วหน้าท้องอย่างเป็นประจำ จัดเป็นการบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้องที่คุณทำตลอดเวลา จึงทำให้กล้ามเนื้อส่วนนี้มีความแข็งแรงมากขึ้น หน้าท้องของคุณ ก็จะแบนราบ ดูสวยงาม ถ้ายิ่งเพิ่มการออกกำลังกายเข้าไปด้วยแล้วล่ะก็ คุณก็จะเห็น 6 Pack ปรากฏขึ้นมาอย่างแน่นอน !! สำหรับในวันนี้เราจะมานำเสนอท่าออกกำลังกายแบบง่ายๆ เอาไว้ใช้ตอนออกกำลังกาย เอาไว้ผสมผสานกับการหายใจอย่างถูกวิธี นำมาฝากคุณผู้อ่านที่อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองกัน  ท่าแขม่วท้องสร้าง 6 Pack ขณะยืนหรือนั่ง ท่ายืน เริ่มจากให้คุณหายใจเข้าอย่างช้าๆ แขม่วท้องจนสุดเท่าที่จะทำได้ กลั้นไว้ประมาณ 5 วินาที หลังจากนั้นก็ค่อยๆ ผ่อนลมออกพร้อมปล่อยลมออกจากท้องให้มากที่สุด ทำซ้ำ 10 ครั้ง โดยใช้การหายทางจมูกเท่านั้น ห้ามใช้ปากช่วย …

ลดหน้าท้องด้วย 5 วิธีฟิตพุงยุบ

สำหรับคุณสาวๆที่มีปัญหากวนใจอย่าง ‘ปัญหาหน้าท้อง’ แต่ไม่รู้ว่าจะกำจัดมันออกไปอย่างไงดี วันนี้เรามีเคล็ดลับดีๆมนำเสนอ เพียงแค่ตื่นให้เร็วขึ้นจากปกติแค่ 10 นาที เพื่อมาทำกายบริหารกันก่อน โดยท่ากายบริหารเหล่าเป็นท่าฟิตกล้ามท้อง ซึ่งจะช่วยเปลี่ยนพุงห้อยๆให้กลายเป็นหน้าท้องแบนราบได้อย่างน่าอัศจรรย์ นอกจากนี้มันยังช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญให้ทำงานได้ดีขึ้นอีกด้วย Sit – up เป็นท่าออกกำลังกายที่เรารู้จักกันดี เนื่องจากเป็นท่าที่ทำมาตั้งแต่สมัยเรียน ถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านมาอย่างเนิ่นนานแล้ว แต่ท่านี้ก็ยังสามารถใช้การได้เป็นอย่างดี นอนหงายบนพื้น ถ้ามีเสื่อโยคะรองหลังด้วยก็จะดีมาก เหยียดขาตรง นำมือทั้ง 2 ข้างมาประสานกันไว้บริเวณท้ายทอย เกร็งหน้าท้องแล้วพยายามดันตัวขึ้นมา พอดันตัวขึ้นมาแล้ว ค่อยๆ ผ่อนลำตัวให้นอนราบลงไปบนพื้นเช่นเดิม ทำซ้ำ 15 ครั้ง แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับ Vertical Toe Touches ท่าฟิตท่านี้นอกจากจะช่วยเรื่องพุงแล้วยังทำให้เรียวขาเกิดความกระชับขึ้นได้ด้วยนะ นอนหงาย แขนทั้ง 2 เหยียดตรง พยายามดันตัวขึ้นเพียงเล็กน้อย ทั้งนี้ต้องเหยียดแขน และเหยียดขาขึ้นตรง งอลำตัวพร้อมเกร็งหน้าท้องไว้ให้มั่น หรือถ้าใครที่เล่นมานานแล้ว แนะนำให้พยายามโน้มตัวและใช้ฝ่ามือแตะปลายเท้า จะทำให้เห็นผลดียิ่งขึ้น แต่สำหรับมือใหม่ให้เกร็งหน้าท้องเป็นหลัก ค่อยๆ วางขาลงอย่างแผ่วเบา พร้อมวางแขนลงในท่ายกเหนือศีรษะ ทำซ้ำ 15 ครั้ง …

การเตรียมตัวออกกำลังกาย ท่า Mountain Climbers + ท่า Bicycle Crunches

การออกกำลังกายนั้นเป็นเรื่องยากในตอนเริ่มต้นเสมอ แต่ถ้าหากเราเอาชนะใจตัวเองได้แล้วเชื่อว่าความเปลี่ยนแปลงย่อมตามมาจนเรารู้สึกถึงความคุ้มค่าที่ได้ทำอย่างแน่นอน การออกกำลังกายไม่จำเป็นต้องเสียเงินไปสมัครตามฟิตเนสเพียงอย่างเดียว การออกกำลังกายที่บ้านย่อมจะได้ผลลัพธ์เช่นเดียวกันหากเราทำอย่างสม่ำเสมอและถูกวิธี วันนี้เรามีท่าเวทที่ช่วยสร้างกล้ามขาและกล้ามเนื้อท้องมาฝากกัน Mountain Climbers ท่านี้ไม่ต้องใช้อุปกณ์ใดๆ เลยแต่จะให้ดีควรใส่รองเท้ากีฬาด้วยเพื่อป้องกันการบาดเจ็บ ท่านี้ช่วยสร้างกล้ามเนื้อให้ขาฟิตแอนด์เฟิร์มยิ่งคุณสาวๆ สามารถได้อย่างสั้นได้อย่างไม่ต้องอายใครเลย เริ่มต้น – ให้ผู้เล่นคว่ำตัวพร้อมกับนำฝ่ามือและปลายเท้าทั้ง 2 ข้างมายันที่พื้น นี่คือท่าเตรียมพร้อม แขนขาในท่าเตรียมพร้อมนี้ต้องตึง – จากนั้นให้ก้าวเท้าไปข้างหน้าทีละข้าง โดยการสลับซ้าย – ขวาไปเรื่อยๆ ให้ใช้ปลายเท้ายันพื้นเหมือนกับท่าปีนเขา หรือหากจินตนาการว่าตัวเองกำลังปีนเขาอยู่ก็จะรู้สึกสนุกมากขึ้น สำหรับมือใหม่ไม่ควรฝืนเกินไปนัก โดยให้เริ่มจากช้าก่อนจึงค่อยๆ เพิ่มความเร็วขึ้นไปเรื่อยๆ ทำครั้งล่ะ 3 เซ็ท เซ็ทล่ะ 15 ครั้ง   Bicycle Crunches ท่านี้เราต้องออกกำลังกายโดยนอนลงไปบนพื้นเพื่อป้องการการบาดเจ็บ หรือปวดหลังท่านี้ควรซื้อเสื่อโยคะ หรือเบาะแบบแบนๆ มานอนรองด้วยจะดีกว่า โดยท่านี้เป็นการบริหารกล้ามเนื้อบริเวณหน้าท้องทั้งบริเวณส่วนบน ส่วนล่างและส่วนด้านข้าง ได้ถึง 3 ส่วนเลยทีเดียว เริ่มต้น ให้นอนหงายบนพื้นราบที่ปูด้วยเสื่อโยคะแล้ว ขาสองข้างต้องเหยียดตรง ใช้มือทั้ง 2 จากนั้นใช้มือทั้งสองข้างจับบริเวณใบหู ตอนนี้ศีรษะจะต้องลอยอยู่เหนือพื้น และให้ขาทั้งสองปั่นจักรยานกลางอากาศไปมา  โดยตอนที่เรากำลังปั่นจักรยานอยู่นั้นให้ยกไหล่ข้างใดข้างหนึ่งขึ้น …

4 ข้อเตรียมตัวก่อนออกกำลังกาย

การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ทุกคนควรจะต้องมีเวลาในการทำเป็นอย่างมาก เพราะการออกกำลังกายคือการที่ทำให้สุขภาพร่างกายเกิดความแข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ที่เข้ามาก่อกวนให้เราไม่มีความสุขในการดำเนินชีวิต หากถามถึงเรื่องของการออกกำลังกายเองมันก็มีอยู่ด้วยกันหลากหลายวิธีขึ้นอยู่กับว่าจิตใจในการมุ่งมั่นเพื่อการออกกำลังกายของแต่ละคนมีมากน้อยขนาดไหน เพราะสิ่งแรกที่ต้องใส่ใจให้มากที่สุดสำหรับการออกกำลังกายก็คือสภาพจิตใจที่ดี เมื่อจิตใจพร้อมจะออกก็มาถึงการเตรียมตัวก่อนไปออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายพร้อมมากที่สุด การเตรียมตัวที่ดีก่อนออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายประเภทใดก็แล้วแต่ การเตรียมตัวถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะหากขาดการเตรียมตัวที่ดีก็อาจทำให้สุขภาพร่างกายของเราเกิดปัญหาขึ้นได้ระหว่างการออกกำลังกาย โดยการเตรียมตัวก่อนการออกกำลังกายที่ดีควรปฏิบัติดังนี้   1.ไม่ทานอาหารที่หนักจนเกินไป – สิ่งสำคัญที่สุดก่อนออกกำลังกายอย่างหนึ่งก็คือไม่ควรเลือกทานอาหารที่หนักจนเกินไป อาทิ ข้าวมื้อหนักๆ อาหารที่กินแล้วอิ่มท้องมากๆ เพราะการที่อิ่มมากแล้วไปออกกำลังกายอาจก่อให้เกิดอาการจุกจนส่งผลเสียต่อร่างกายได้ หากรู้ว่าต้องไปออกกำลังกายเวลาใดอย่างน้อยที่สุดควรทานอาหารมาไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมงเพื่อให้ร่างกายได้ย่อยสลายไปบ้างแล้ว   2.ดื่มน้ำให้เพียงพอก่อนออกกำลังกายประมาณ 15 นาที – ลักษณะจะใกล้เคียงกับการทานอาหารแต่สำหรับน้ำอาจไม่จำเป็นต้องดื่มก่อน 1 ชั่วโมง เราสามารถดื่มน้ำในปริมาณที่ต้องการได้ก่อนออกกำลังกาย 15 นาที แล้วหลังจากนั้นควรใช้การดื่มแบบจิบน้ำ ห้ามดื่มน้ำจนหมดการกระหายเป็นอันขาดเพราะหากดื่มไปเยอะๆ จะทำให้เกิดอาการจุกได้เช่นกัน   3.จัดเตรียมเสื้อผ้าและอุปกรณ์ต่างๆ ให้พร้อม – การออกกำลังกายแต่ละประเภทก็จะมีเครื่องแต่งกายหรืออุปกรณ์ที่แตกต่างกันออกไป เพราะฉะนั้นหากเรารู้ว่ากำลังจะไปออกกำลังกายประเภทไหนก็อย่าลืมเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ไปให้พร้อมเพรียงเพื่อที่จะได้ออกกำลังกายได้อย่างที่ใจต้องการ   4.วอร์มร่างกายเบื้องต้นก่อนการออกกำลังกายหนักๆ ทุกครั้ง – การออกกำลังกายที่ดีไม่ใช่ว่าพอถึงเวลาแล้วก็ไปออกกำลังกายได้เลยโดยที่ไม่ได้สนใจอะไรทั้งสิ้น เพราะก่อนการออกกำลังกายที่ดีต้องรู้จักการวอร์มหรืออบอุ่นร่างกายเพื่อให้เส้นสายได้ผ่อนคลายเสียก่อน ซึ่งการวอร์มร่างกายเหล่านี้จะช่วยลดปัญหาอาการบาดเจ็บระหว่างออกกำลังกายได้เป็นอย่างดี